ข้อควรรู้เกี่ยวกับการบินมาออสเตรเลียด้วยการบินแบบต่อเครื่อง

[ 1 – ตรวจสอบการเดินทางของเราว่าเป็นแบบ Transit หรือ Transfer ]

#Transit 👉 การแวะพักเครื่องและกลับขึ้นเครื่องบินลำเดิม โดยมักจะมีเลขเที่ยวบิน (Flight Number) เป็นเลขเดิม มักเป็นการแวะเพื่อเติมน้ำมันหรือรับผู้โดยสารเพิ่ม โดยปกติจะพักไม่เกิน 24 ชั่วโมง

#Transfer 👉 การแวะพักเครื่องและต่อเครื่องบินลำใหม่ มักจะมีเลขเที่ยวบิน (Flight Number) แตกต่างกัน น้องๆ ต้องตรวจสอบเลขเที่ยวบิน เวลา และเกทที่เราต้องไปทั้งสองรอบให้ชัดเจน

[ 2 – การ Chek in ]

เมื่อเช็กอินเราต้องตรวจสอบว่าสัมภาระของเราได้ Check Through หรือไม่ หากได้ Check Through เราก็จะสามารถไปรอรับสัมภาระที่ปลายทางได้เลย และจะได้รับ #BoradingPass มา 2 ใบ

แต่ถ้าสัมภาระไม่ได้ #CheckThrough จะได้ Borading Pass 1 ใบ และต้อง Check in ใหม่อีกครั้งที่จุดแวะพักก่อนที่จะขึ้นเครื่องอีกครั้ง 🛫

[ 3 การเดินทางต่อ ]

เมื่อเครื่องบินถึงจุดแวะพักการเดินทางต่อจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่🔻

👉 กรณีสัมภาระถูก Check Through ให้เดินตามป้าย Transfer, Transit หรือ Connecting #Fligh ไปจนถึง #Gate ที่เราต้องต่อเครื่อง จากนั้นก็ให้ขึ้นเครื่องได้ตามเวลาที่กำหนด

👉 กรณีสัมภาระไม่ถูก Check Through ให้เดินตามป้าย Arrival ผ่าน ตม. ปกติ โดยให้กรอกช่องที่พักในใบ ตม. ว่า Transit เมื่อผ่าน ตม.ขาเข้าแล้วให้ไปรับกระเป๋าที่สายพาน

จากนั้นเมื่อถึงเวลาก็ให้ไป Check in โหลดสัมภาระและผ่าน ตม.ขาออกไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate ได้เลย

[ 4 Transit Visa ]

โดยปกติการแวะพักเครื่องที่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง เมื่อต้องผ่าน ตม.ขาเข้าเราไม่จำเป็นต้องแสดงวีซ่า เพียงแค่แสดงหลักฐาน E-Ticket ของเที่ยวบินของเราก็สามารถเดินทางต่อได้

กลับกันในบางประเทศถึงแม้จะอยู่ไม่เกินก็จำเป็นต้องใช้วีซ่าในการผ่าน ตม. เรียกกันว่า #TransitVisa เป็นวีซ่าระยะสั้น ๆ ที่คนที่เดินทางแบบ Connecting Flight จะต้องแสดงเมื่อถึงตม.ขาเข้า ซึ่งเงื่อนไขก็เป็นไปตามประเทศที่เราไปแวะพัก ต้องศึกษาดูให้ดีก่อนว่าประเทศที่เราจะไปแวะพักนั้นจำเป็นต้องของ #TransitVisa หรือไม่ หากใช้ก็ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเดินทาง🛫

ตัวอย่างสนามบินที่ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเมื่อ Transit เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์, ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น

—————————————-

ไม่อยากพลาดข่าวสารหรือข้อมูลดีๆ