วีซ่านักเรียน ทำงานได้ไหม

 ในการทำงาน ปกติวีซ่านักเรียนจะจำกัดชั่วโมงการทำงานสำหรับผู้ถือวีซ่าให้สามารถทำงานถูกต้องมากฏหมายได้ไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ ส่วนใหญ่การทำงานของนักเรียนนั้นก็จะทำงานกันหลังเลิกเรียน และวันเวลาที่ว่างจากการเรียน รายได้ถ้าเป็นร้านอาหารไทยจะเหมาเป็นวัน ส่วนมากอยู่ที่ขั้นต่ำ $55-75 /วัน แต่ถ้าทำกับคนต่างชาติจะคิดเป็นชั่วโมงอยู่ที่ $10-20 /ชั่วโมง

Hospitality

เป็นงานที่นิยมทำกันมากประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายถึงงานบริการ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

1.Restaurants and Cafes : ร้านอาหารและร้านกาแฟ

ร้านอาหารทั่วไป จะแบ่งตำแหน่งออกเป็น สองประเภทหลักๆ คือ Kitchen Staff กับ  Front Staff

ในส่วนของ Kitchen Staff จะมีตำแหน่งแบ่งออกเป็นดังนี้

  • Dish Washer : หมายถึงตำแหน่งล้างจาน ที่จะต้องล้างให้ทัน เร็ว และสะอาด เป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรที่ซับซ้อนมาก ล้างให้ทัน เตรียมของ หรืออาจจะหุงข้าวให้ทันตามที่ได้รับมอบหมาย และมักจะต้องรับผิดชอบการทิ้งขยะด้วย รายได้ประมาณ 17 AUD ต่อชั่วโมง
  • Kitchen Hand : เป็นตำแหน่งผู้ช่วยในครัว โดยปกติทำหน้าที่หั่นผัก หั่นเนื้อ เตรียมของให้กับ Chef
  • Entrie Maker : ทำหน้าที่ทำอาหารในส่วนของก่อนอาหารหลัก ซึ่งในร้านอาหารไทยจะมีเมนู Entrie ที่ฮิตๆได้แก่ ปอเปี๊ยะ (Spring rolls) , ทอดมัน (Fish cake) , สะเต๊ะ (Satay) และจัดอาหารให้ทันกับความต้องการของลูกค้า
  • Curry Hand : ทำหน้าที่ทำอาหารประเภทแกง ต่างๆ เช่น แกงเขียวหวาน ต้มยำ ต้มแซ่บ แกงแดง แกงเหลืองตามสูตรของแต่ละร้าน
  • Chef : อาหารไทยในต่างแดนที่ฮิตๆกันคือ อาหารจำพวก Stir-fry ได้แก่ ผัดต่างๆ เช่น ผัดไท ผัดซีอิ๊ว ผัดกะเพรา เป็นต้น เชฟหรือที่บางที่ก็มีตำแหน่งมือผัด ไว้สำหรับทำอาหารจานฮิตพวกนี้ เชฟต้องรับผิดชอบเยอะกว่าคนอื่นพอสมควร ดังนั้นรายได้ก็จะสูงไปด้วย

ในส่วนของ Front staff

  • Wait staff : หรือพนักงานเสริฟ โดยหลักๆแล้วจะทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า รับออเดอร์ คอยบริการลูกค้า ซึ่งจะต้องบริการมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับลักษณะของร้านว่าเป็นร้านแบบทำนองอาหารตามสั่ง หรือว่าเป็นร้าน fine-dining Wait staff ควรจะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษที่โอเค มีบุคลิกที่ดูสะอาดสะอ้าน รู้จักประเภทของอาหาร และส่วนประกอบของแต่ละรายการ เป็นตำแหน่งที่ต้องติดต่อพูดคุยกับลูกค้า และต้องแก้ปัญหาเยอะพอสมควร รายได้จะอยู่ประมาณ 10-15 AUD ต่อชั่วโมง และอาจมีรานได้เพิ่มจากทิปด้วย
  • Cashier & Reception: แคชเชียร์ก็จะทำหน้าที่คิดเงินเป็นหลัก บางร้านที่ไม่วุ่นมามากก็จะให้ Cashier รับโทรศัพท์ไปด้วย งานรับโทรศัพท์เป็นงานที่อาศัยทักษะการฟังค่อนข้างมาก เพราะว่านอกจากต้องฟังรายละเอียดที่ลูกค้าต้องงการแล้ว บางร้านที่มีบริการ Home delivery service ก็จะต้องจดที่อยู่ จดรายการอาหาร ชื่อให้ถูกต้องทั้งหมดด้วย
  • Runner : ในร้านที่ยุ่งจัดๆ Runner จะเป็นคนรันอาหารอย่างเดียว รับอาหารจากในครัวไปลงโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ runner เองก็ต้องอาศัยความจำที่ดี ไม่ลงอาหารให้ผิดโต๊ะ

2. Bars & Gaming งานในผับบาร์ คาสิโน

เป็นงานที่หลายๆคนอยากทำ เพราะว่าได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูง โดนงานทั้งสองประเภทก่อนที่จะไปทำได้เราจะต้องมี License คือ RSA สำหรับ Bars หรือร้านอาหารที่เสริฟแอลกอฮอล์ และ RCG สำหรับทำงานเกี่ยวกับตู้พนันหรือ Gaming Machine

3. Hotels โรงแรม

สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ ทำงานโรงแรมมาแล้วโดยเฉพาะโรงแรมที่มีเครืออยู่ในต่างประเทศจะค่อนข้างได้เปรียบสำหรับการหางานประเภทนี้ งานมีหลากหลายฟังค์ชันตามที่โรงแรมมีบริการเช่น front , เด็กยกกระเป๋า , housekeeping เป็นต้น

Cleaning

งานนี้ก็คืองานทำความสะอาดในรูปแบบต่างๆ งานคลีนจะมีหลายแบบตั้งแต่ คลีนออฟฟิศ คลีนตามบ้าน คลีนร้านอาหาร ซึ่งงานคลีนแต่ละอย่างก็ใช้ทักษะที่แตกต่างและมีลักษณะงานต่างๆ กันไป เช่น งานคลีนออฟฟิศ โดยทั่วไปเราก็จะได้รับมอบหมายให้ทำการเก็บขยะตามโต๊ะ ปัดฝุ่น และเช็ดโต๊ะเล็กๆน้อยๆ ตลอดจนดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น ที่สำคัญสำหรับงานนี้คือต้องทำให้เร็วและสะอาด โดยมีรายได้เฉลี่ยที่ 20 AUD ต่อชั่วโมง

Clerical

งานออฟฟิศ โดยงานประเภทที่ฮิตๆกันได้แก่ data entry หรืองานคีย์ มีค่าตอบแทนชม.ละประมาณ 18 AUD งานอีกประเภทที่น่าสนใจคือ Reception แต่งานประเภทนี้จะต้องมีทักษะการพูดและการฟังค่อนข้างดีมากเพราะต้องติดต่อกับคนเยอะทางโทรศัพท์

Fast Food

งานที่ทำในร้าน Fast food ในที่นี้หมายรวมถึงร้าน Fast food แบบ Mcdonald / KFC และร้านอาหาร take away ต่างๆ ไม่ว่าจะขายข้าว / ขนม / ice cream ทักษะที่สำคัญสำหรับงานประเภทนี้คือ เราต้องฟังลูกค้าให้รู้เรื่อง และจัดทำตามความต้องการลูกค้าให้ถูกต้อง

Hair & Beauty

งานร้านทำผม สปา ทำเล็บ นวด และงานด้านความสวยความงามต่างๆ

Retail

งานในร้านขายปลีกทั่วไป มีประเภทของงานหลากหลายตั้งแต่ งานร้านขายของที่ระลึก งานร้านสะดวกซื้อ งานร้านขายของชำ งานร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ งานขายของในห้างสรรพสินค้า งานร้านขายวิตามิน และ Supermarket ต้องเป็นคนที่พูดคล่องพอสมควร พูดจาชวนลูกค้าคุยเก่ง งานประเภทนี้เป็นงานที่หลายๆคนอยากทำ เพราะค่อนข้างสบาย ได้ฝึกภาษาอีกด้วย

ที่พักในออสเตรเลียอย่างไร

ประเภทที่พักในออสเตรเลีย

หอพักนักเรียนประจำ (Boarding School) $11,000 – $22,000 ต่อปี

มีบริการเฉพาะในโรงเรียนของเอกชนเท่านั้น บริการอาหารครบ 3 มื้อ พร้อมบริการซักรีดด้วย นักเรียนจะต้องพักร่วมกับนักเรียนคนอื่นๆ นอกจากนั้นก็รับประทานอาหารร่วมกันกับเพื่อนนักเรียน และโรงเรียนมีพื้นที่นันทนาการสำหรับนักเรียนทุกคนใช้ร่วมกัน

หอพักภายในมหาวิทยาลัย (On-campus Housing) $90 – $280 ต่อสัปดาห์

ซึ่งผู้เช่าจะต้องเช่าเป็นเทอมคือประมาณ 6 เดือน มีการสมัครและแจ้งความจำนงล่วงหน้ากับมหาวิทยาลัย ว่าต้องการ หอพักแบบใด เจ้าหน้าที่หอพักจะจัดดูความเหมาะสมและความจำเป็นของผู้เช่า ซึ่งโดยทั่วๆ ไปภายในหอพักนักศึกษาจะมีห้องเดี่ยวเป็นสัดส่วน พร้อมเฟอร์นิเจอร์บางอย่าง เช่น เตียงนอน โต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เสื้อผ้า แต่จะต้องดูโทรทัศน์ใช้ในห้องนั่งเล่น  ห้องครัว ห้องน้ำ และเครื่องซักผ้าร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีโทรศัพท์สาธารณะให้ใช้ หอพักเป็นที่พักราคาไม่แพง มีอาหารพร้อม

อพาร์ทเมนท์ภายในมหาวิทยาลัย (University Apartments)

อพาร์ทเมนท์ภายในมหาวิทยาลัยเป็นที่พักที่ราคาแพงที่สุด ส่วนใหญ่ไว้ให้บริการนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา แขกของมหาวิทยาลัย หรือนักศึกษาที่มีครอบครัว ในห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน

ที่พักแบบโฮมสเตย์  (Home stay) $165- $270 ต่อสัปดาห์

การพักอยู่กับครอบครัวชาวออสเตรเลีย (Home stay Family) เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนนักศึกษาต่างชาติ เพราะสะดวกสบายและปลอดภัย และยังได้มีโอกาสฝึกภาษาอังกฤษ และปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตตลอดจนเรียนรู้วัฒนธรรมแบบออสซี่ด้วย ซึ่งกับการพักกับครอบครัวมีทั้งแบบอาหารพร้อม และไม่รวมอาหาร มีห้องส่วนตัว โต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เสื้อผ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ ห้องน้ำ เครื่องซักผ้า ห้องครัว และห้องนั่งเล่นร่วมกับครอบครัวที่พักด้วย ส่วนใหญ่ไว้สำหรับนักเรียนนักศึกษาต่างชาติ จะอยู่ไม่ไกลจากสถาบันมากนัก ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับเมืองที่พัก

โฮสเทลและเกสท์เฮาส์ (Hostels และ Guest Houses) $90 – $150 ต่อสัปดาห์

Hostel มีรูปแบบคล้ายกับโรงแรมแต่ราคาถูกกว่ามาก เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักแบบสบายกระเป๋า และเหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการพักระยะสั้นๆ ระหว่างรอที่พักระยะยาวอย่าง Shared accommodation  ซึ่ง Hostel สามารถจองห้องพักเป็นแบบรายวัน หรือจองเป็นแพ็คเกจรวมอาหารเช้า 3-7 คืน มีห้องพักหลากหลายแบบให้เลือกตั้งแต่พักคนเดียว หรือแชร์กัน 10 คน มีทั้งแบบมีห้องน้ำในตัวและห้องน้ำรวม สามารถเลือกพักแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน มีห้องพักแยกผู้หญิงและผู้ชาย และห้องพักสำหรับอยู่รวมกัน Hostel บางแห่ง มีเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกไม่กี่ชิ้นที่สำคัญเท่านั้น เช่นเตียง แต่ห้องอาบน้ำ อาจเป็นห้องน้ำรวม ซึ่งมาตรฐานต่างกันไป

อพาร์ทเมนต์ และบ้านเช่า (Apartment & Rental House) บ้านเช่า – $165 – $440 ต่อสัปดาห์

อพาร์ทเมนต์ เป็นที่นิยมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายและยังสร้างสัมพันธ์ และเรียนรู้วัฒนธรรม ใหม่ๆ จากเพื่อนร่วมอพาร์ทเม้นต์ ส่วนใหญ่จะมี 2 ประเภท คือ แบบมีเฟอร์นิเจอร์ พร้อม และแบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ในการเช่าต้องทำสัญญา 6 เดือน ถึง 1 ปี ที่พักแบบนี้เหมาะสำหรับนักศึกษาที่มีครอบครัวอยู่ด้วย หรือนักศึกษาที่ชอบอยู่อย่างอิสระตามลำพัง

บ้านเช่า โดยส่วนมากนักเรียนจะรวมกลุ่มกันไปเช่าบ้านที่ ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอยู่ทั่วไปในเมือง ระยะเวลาเช่าอย่างต่ำประมาณ 6 เดือน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนจะอยู่ที่ออสเตรเลียค่อนข้างนานและไม่คอยย้ายที่อยู่บ่อยนัก โดยช่วยกันออกค่าเช่า ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าน้ำ บ้านเช่าจะมีทั้งขนาดเล็ก 3 ห้องนอน จนไปถึงขนาด 6-7 ห้องนอน ส่วนมากจะอยู่บริเวณรอบๆเมือง

อัพเดทสถานการณ์วีซ่า 20 พ.ค. 62 !!

ณ ปัจจุบันนี้ หลายๆคน คงทราบกันแล้วว่า สถานการณ์การยื่นขอวีซ่านักเรียนนั้น ค่อนข้างเข้มงวดนะคะ โดยการเปลี่ยนแปลง มีีเป็นประเด็นหลักดังนี้ค่ะ

1. ประเทศไทย จัดอยู่ในระดับเลเวล 3 (ลดลงจาก 2 ค่ะ) 

ซึ่ง จะทำให้มีการเพ่งเล็ง และคัดกรองคนไทยที่จะไปศึกษาต่อเข้มงวดขึ้นทุกขั้นตอนค่ะ และจะมีการบันทึกพฤติกรรมต่างๆ ตลอดการเรียนค่ะ พี่ๆ จึงจะสอบถามน้องๆ มากขึ้นกว่าเดิมหน่อยนะคะ

2. ทุกสถาบันในออสเตรเลีย ถูกจัดระดับเลเวลเช่นกัน

ใช่ค่ะ โรงเรียนในออสเตรเลียเอง ก็ถูกจัดระดับเลเวลเช่นกัน ซึ่งจะแบ่่งเป็น
2.1 โรงเรียน Level 1 – ระดับสูงสุดของคุณภาพโดยรวม ใครสมัครเรียนกับ ร.ร. เลเวล 1 ไม่ต้องสอบ IELTS ค่ะ
2.2 โรงเรียน Level 2 – คุณภาพโดยรวมระดับปานกลาง ยังคงต้องใช้ผลภาษาค่ะ
2.3 โรงเรียน Level 3 – โรงเรียนที่คุณภาพโดยรวม น้อยสุด จะราคาไม่แพงค่ะ แต่ก็ใช้ผลภาษาค่ะ
ซึ่งทั้งหมดนี้ ทางโรงเรียนก็จะคัดใบสมัครอีกทีด้วยเช่นกันค่ะ ทางรงเรียนสามารถขอเอกสารเพิ่มเติมได้ค่ะ

3. Immigration ต้องการเอกสารอธิบายจุดประสงค์การมาเรียน (GTE)

ตัวนี้สำคัญมากๆ ณ เวลานี้ค่ะ ผู้สมัครเรียนต้องเขียนจดหมายชี้แจง ว่าเป็นใคร มาจากไหนโดยละเอียด และชี้แจงว่าทำไมถึงต้องมาเรียนที่ออสเตรเลีย โดยให้อธิบายให้ละเอียดที่สุด เท่าที่จะเขียนได้ค่ะ และต้องมีความสมเหตุสมผลพอ ถึงจะผ่านการพิจารณาค่ะ

4. เอกสารต่างๆ ที่จำเป็น อาจต้องตรวจเพิ่มขึ้น

​เช่น เอกสารทางการศึกษา ,เอกสารของผู้สนับสนุน ,เอกสารทางการเงิน ,เอกสารความสัมพันธ์ เป็นต้นค่ะ

* ความเข้มงวดนี้ เพราะต้องการให้เด็กไทยที่ขอวีซ่านักเรียน ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนจริงๆ ค่ะ เน้นย้ำว่าให้เรื่องเรียนเป็นเรื่องหลัก ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เป็นเรื่องรองค่ะ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่พี่ๆ อีเดน เลยค่ะ

เรียนเมืองไหนดี

SYDNEY

ซิดนีย์เป็นเมืองหลวงของรัฐ New South Wales มีประชากรมากที่สุดและเจริญที่สุดในออสเตรเลีย มีคนหลากหลายเชื้อชาติหลายวัฒนธรรม ซิดนีย์เป็นเมืองธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว และแหล่งการศึกษาที่สำคัญ การเดินทางสะดวกในเมืองซิดนีย์มีรถไฟ รถประจำทาง ซิดนีย์เป็นเมืองที่อากาศสดใสมีแสงแดดมากกว่า 300 วันต่อปี เหมาะแก่การท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามตลอดทั้งปี และยังมีสถานที่ท่องเที่ยว Opera House กับ Harbor Bridge ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลียด้วย

MELBOURNE

เป็นเมืองสำคัญที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลีย เมล์เบิร์นได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ การคมนาคมของเมืองเมลเบิร์นสะดวกและไม่แพง มีรถรางวิ่งในเมือง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมายเช่น Great Ocean Road ถนนลัดเลาะชายฝั่งที่มุ่งสู่เมืองแอดิเลด , เสาหิน Twelve Apostles และเมล์เบิร์นยังมีงานเทศกาลสำคัญต่างๆของเมือง เช่น การแข่งรถ Australian Grand Prix, เทศกาลแข่งม้า Melbourne Cup อีกด้วย

BRISBANE

เป็นเมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ประเทศออสเตรเลีย ได้รับขนานนามว่า Sunshine State เพราะมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 16-25 องศาเซลเซียส เป็นเมืองที่มีอากาศอบอุ่นตลอดปี บริเวณโดยรอบเมืองบริสเบนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามตามธรรมชาติมากมาย เช่น หาดทรายสีทอง Gold Coast, ถนนสาย Great Sunshine Way ที่มุ่งหน้าไปยังหาด Gold coast, แนวปะการังใหญ่ Great Barrier Reef ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

GOLDCOAST

โกลด์โคสต์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองบริสเบน เป็นเมืองที่มีสภาพภูมิอากาศที่นี่อบอุ่นตลอดทั้งปี โกลด์โคสต์เต็มไปด้วยอาคารสูงระยับรอบ ๆ ชายหาดที่สวยงามที่มีความยาวกว่า 57 กิโลเมตร จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่น นอกจากนี้ยังมีย่านช้อปปิ้ง รีสอร์ท คาสิโนและแหล่งสถานบันเทิงยามราตรีมากมาย นอกเหนือจากนี้ โกลด์โคสต์ยังมีอุทยานแห่งชาติอันเขียวขจี จนถูกขนานนามว่า “The Green Behind the Gold” เพราะด้วยความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ของชั้นหิน น้ำตกด้วย

CANBERRA

โกลด์โคสต์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองบริสเบน เป็นเมืองที่มีสภาพภูมิอากาศที่นี่อบอุ่นตลอดทั้งปี โกลด์โคสต์เต็มไปด้วยอาคารสูงระยับรอบ ๆ ชายหาดที่สวยงามที่มีความยาวกว่า 57 กิโลเมตร จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่น นอกจากนี้ยังมีย่านช้อปปิ้ง รีสอร์ท คาสิโนและแหล่งสถานบันเทิงยามราตรีมากมาย นอกเหนือจากนี้ โกลด์โคสต์ยังมีอุทยานแห่งชาติอันเขียวขจี จนถูกขนานนามว่า “The Green Behind the Gold” เพราะด้วยความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ของชั้นหิน น้ำตกด้วย

ทำไมต้องเรียนที่ ออสเตรเลีย

รู้กันหรือไม่ว่าออสเตรเลียมีนักศึกษาต่างชาติอยู่มากที่สุดเป็นอันดับสามของโลกรองจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาทั้งๆที่มีประชากรเพียง 23 ล้านคนเท่านั้น แต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยถึงเจ็ดแห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยยอดเยี่ยม 100 อันดับแรกของโลก! อันที่จริงแล้ว ด้วยหลักสูตรกว่า 22,000 หลักสูตรจากสถาบันทั้ง 1,100 แห่งของเรา ออสเตรเลียอยู่เหนือกว่าประเทศอย่างเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่นในการจัดอันดับ U21 ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดย Universitas ประจำปี 2012 โดยอยู่ในอันดับที่แปด

            ที่กล่าวมาคือหลักฐานยืนยันด้านวิชาการอันหนักแน่น แต่นอกจากสถาบันของเราจะได้รับการยอมรับในการจัดอันดับต่างๆแล้ว เมืองต่างๆในออสเตรเลียก็ได้รับการยกย่องเช่นกัน มีห้าเมืองในประเทศออสเตรเลียที่ติดอันดับ 30 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับนักศึกษาเมื่อพิจารณาจากความหลากหลายของนักศึกษา ความย่อมเยาว์ คุณภาพชีวิต และการจ้างงาน – ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญทุกประการที่นักศึกษาต้องการเวลาเลือกประเทศที่จะเดินทางไปศึกษา และด้วยทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติกว่า 200 ล้านเหรียญที่รัฐบาลออสเตรเลียมอบให้ทุกปี คุณจึงมีโอกาสเดินทางไปสัมผัสกับความโดดเด่นของการศึกษาในประเทศออสเตรเลียได้ ความโดดเด่นเหล่านี้นี่เองที่จะนำไปสู่โอกาสทางหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าในอนาคต

            คุณมีสาขาวิชาที่สนใจแล้วหรือยัง? ออสเตรเลียน่าจะมีสาขาวิชาที่คุณสนใจเปิดสอน นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังมีมหาวิทยาลัยอย่างน้อยหนึ่งแห่งที่ติดอันดับ 50 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกในสาขาการเรียนอย่างเช่นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพและเกษตรศาสตร์ แพทย์ศาสตร์และเภสัชกรรม และฟิสิกส์

            เมื่อดูจากข้อยืนยันทางการศึกษาอันน่าประทับใจเหล่านี้แล้ว จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่ปัจจุบันเรามีนักศึกษาต่างชาติเรียนจบไปแล้วมากกว่า 2.5 ล้านคน ซึ่งหลังจากเรียนจบจากออสเตรเลีย พวกเขาล้วนออกไปสร้างความแตกต่างในสังคม บางคนก็โดดเด่นในเวทีโลก ที่จริงแล้วประเทศออสเตรเลียได้สร้างผู้ได้รับรางวัลโนเบลมาแล้ว 15 คน และทุกๆวันมีคนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกที่พึ่งพาการค้นพบและนวัตกรรมของออสเตรเลีย – ตัวอย่างเช่น ยาเพนนิซิลิน เด็กหลอดแก้ว อัลตราซาวด์ อินเตอร์เน็ต Wi-Fi หูไบโอนิค วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก และกล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน – การค้นพบในหลากหลายสาขาเหล่านี้ได้ช่วยเหลือคนทั่วโลกมาแล้ว

ลองมานั่งเรียนกับเพื่อนร่วมชั้นที่มีความคิดเจ๋งๆที่สุดในโลกดูมั้ย

การเดินทางในออสเตรเลีย

 การเดินทางในประเทศออสเตรเลียมีระบบคมนาคมขนส่งหลากหลาย ทันสมัย และครอบคลุม เช่น รถประจำทาง รถยนต์ รถราง รถไฟฟ้า รถไฟ เรือเฟอร์รี่ หรือ เรือข้ามฟาก รวมไปถึง สายการบินในระดับภูมิภาคและสายการบินระดับชาติ  ในแต่ละรัฐ/เมืองจะมีการคมนาคมแตกต่างกันไปเช่น Brisbane เน้นการใช้ รถประจำทาง รถไฟ และ เรือเฟอร์รี่-City Cat ซึ่งทุกประเภทให้บริการจะตรงเวลาเสมอ ทำให้เราคาดการณ์ ได้ว่าจะถึงที่หมายกี่โมงและใช้เวลาเดินทางกี่นาที โดยในการเดินทางจะต้องมีบัตรโดยสารหรือตั๋วเดินทาง ที่ใช้ในการโดยสารรถเมล์ รถไฟ และเรือข้ามฟากนั้น จะมีให้เลือกเป็นบัตรโดยสารแบบรายสัปดาห์ แบบรายเดือน แบบรายสามเดือน ขึ้นไปจนถึงบัตรโดยสารแบบรายปี

ในออสเตรเลียรถไฟถือเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกเพราะมีสถานีครอบคลุมทั่วเมือง ราคาตั๋วแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราไป Zone ไหนและเลือกตั๋วแบบใด อาทิ ตั๋ว One way, Return จะเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน การจำหน่ายตั๋ว สามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ หรือเครื่องยอดเหรียญ สามารถเช็คราคาตั๋วได้ที่นี่

รถไฟฟ้า ( City Rail )

การเดินทางโดยรถไฟแบ่งเป็น 3 แบบคือ บริการนครหลวง (Metropolitan Service), สายสนามบิน (Airport Link) และบริการระหว่างรัฐและภายในรัฐ (Interstate and Intrastate Services)

รถประจำทาง

รถประจำทางปรับอากาศจะมีต้นสายหลักอยู่ในเมือง หากจะนั่งข้าม Suburb ต้องมาต่อสายในเมือง หรือถ้าจะให้สะดวกในบางพื้นที่ควรเลือกขึ้นรถไฟ เพราะรวดเร็วกว่า การโดยสารรถประจำทางจึงเป็นในระยะ การเดินทางที่ไม่ไกลนัก หรือเดินทางใน Suburb นั้นๆจะสะดวกกว่า ตั๋วโดยสารของรถประจำทางนั้นมีหลากหลาย สามารถซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อทั่วเมืองหรือจะจ่ายกับคนขับบนรถโดยตรงกรณีคนที่ไม่ได้เดินทางโดย รถโดยสารบ่อยนัก แต่ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่ารถสายนั้นเป็น “Prepaid only” หรือการชำระผ่านบัตรโดยสารเท่านั้น หรือไม่

รือข้ามฟาก ( Sydney Ferry )

ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะ และเต็มไปด้วยอ่าวต่างๆ การเดินทางไป Suburb ที่อยู่ติดริมน้ำโดยทางเรือ จึงสะดวกมาก การเดินเรือจะมีตารางเดินเรือที่แน่นอน ท่าเรือหลักอยู่ที่ Circular Quay ในตัวเมือง Sydney ผู้ที่โดยสารเรือเป็นประจำสามารถหาซื้อตั๋วรายสัปดาห์ได้ที่ท่าเรือหรือเครื่องหยอดเหรียญ

รถราง (Light Rail )

เป็นการคมนาคมวิ่งในระยะที่ไม่ยาวนัก ระยะทางของรถรางอยู่ในเขต แหล่งท่องเที่ยวจากย่านไชน่าทาวน์ ผ่าน Darling Harbour ไปทาง คาสิโน และ Fish Market? โดยจะมีท่ารถ อยู่ตามจุดต่างๆในเมืองซึ่งผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วได้จากตู้หยอดเหรียญเฉพาะ หรือซื้อจากเคาท์เตอร์ขายที่ Central Station

รถแท็กซี่ (Taxi)

ให้บริการเหมือนบ้านเราคือเป็นแท็กซี่มิเตอร์ ค่าโดยสารเริ่มจาก A$ 3.00 + ระยะทาง 90 เซ็นต์/กิโลเมตร

ค่าครองชีพในออสเตรเลีย

ความรู้ข้อมูลค่าครองชีพโดยเฉลี่ยในออสเตรเลียเป็นส่วนสำคัญของการเตรียมตัวทางด้านการเงิน เพื่อเป็นแนวทาง นี่คือบางส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตและการศึกษาในประเทศออสเตรเลีย พี่คิดว่า จัดอยู่ในระดับ ปานกลาง นะคะ ไม่แพง / ไม่ถูก เกินไป 

ค่าใช้จ่ายในส่วนของที่พัก

  • โรงแรมและเกสต์เฮาส์ – $90 – $150 ต่อสัปดาห์
  • ห้องแบ่งเช่า – $85 – $215 ต่อสัปดาห์
  • พักอยู่ในสถานศึกษา – $90 – $280 ต่อสัปดาห์
  • โฮมสเตย์ – $235 – $325 ต่อสัปดาห์
  • บ้านเช่า – $165 – $440 ต่อสัปดาห์
  • โรงเรียนประจำ – $11,000 – $22,000 ต่อปี

ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตอื่นๆ

  • ร้านขายของชำและรับประทานอาหารนอกบ้าน – $80 – $280 ต่อสัปดาห์
  • แก๊ส ไฟฟ้า – $35 – $140 ต่อสัปดาห์
  • โทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต – $20 – 55 ต่อสัปดาห์
  • ขนส่งสาธารณะ – $15 – $55 ต่อสัปดาห์
  • รถยนต์ (หลังจากซื้อแล้ว) – $150 – $260 ต่อสัปดาห์
  • ความบันเทิง – $80 – $150 ต่อสัปดาห์​

ค่าครองชีพขั้นต่ำ

หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและพลเมืองมีข้อกำหนดการเงินที่ท่านจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับวีซ่านักศึกษา ด้านล่างนี้เป็นแนวทางเกี่ยวกับข้อกำหนดที่ท่านจะต้องเจอเมื่อมาศึกษาในประเทศออสเตรเลีย ได้แก่:

  • ตัวท่านเอง – $19,830
  • เพื่อนร่วมทางของท่าน – $6,940
  • คุณหนู – $2,970

รัฐบาลออสเตรเลียให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการการเงินของท่าน ท่านสามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.moneysmart.gov.au(opens in a new window)

หากท่านพบปัญหาทางการเงินในขณะที่อยู่ในออสเตรเลีย ให้ท่านพูดคุยกับพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลนักศึกษาต่างชาติเพื่อขอความช่วยเหลือ

สุขภาพและความปลอดภัย

โดยทั่วไปออสเตรเลียเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ชีวิตและการศึกษา ดัชนีวัดชีวิตที่ดีขึ้น OECD ปี 2011 ได้จัดอันดับความปลอดภัยให้ออสเตรเลียอยู่ในระดับที่ 9.3 จาก 10 ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลการจัดอันดับสูงสุดที่ได้รางวัลจากประเทศใด ๆ แต่ก็ยังจำเป็นที่ท่านจะต้องดูแลตัวเองและตระหนักถึงความเสี่ยงที่ยังมีอยู่และวิธีที่จะลดความเสี่ยงเหล่านั้นลง นี่เป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งเมื่อท่านมาถึงและเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเมืองใหม่และการปรับตัวในทางใหม่ ๆ ในชีวิตของท่าน

จงทำตามสามัญสำนึกและการปฏิบัติที่ดีที่สุดของท่านซึ่งจะช่วยให้ท่านยังคงปลอดภัยและมีสุขภาพดีแม้ในยามที่ท่านกำลังจัดการเหตุฉุกเฉิน ความปลอดภัยส่วนบุคคลและความปลอดภัยที่บ้าน หรือองค์ประกอบธรรมชาติ เช่น แสงแดด, น้ำ และ ไฟ แล้วก็ตาม

ทำวีซ่าใช้เอกสารอะไรบ้าง

1. วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย

น้องๆ สามารถดาวน์โหลดรายการเอกสารได้ที่นี่เลยค่ะ Download

2. วีซ่านักเรียนออสเตรเลีย

น้องๆ สามารถดาวน์โหลดรายการเอกสารได้ที่นี่เลยค่ะ Download

*หากน้องๆ มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อพี่ๆ อีเดน ได้เลยนะคะ 

เตรียมตัวไปเรียนต่อออสเตรเลีย

1. ฝึกภาษาอังกฤษเข้าไว้

   ถ้าน้องๆ ตั้งใจจะไปเรียนต่อจริงๆ ที่ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นก็แล้วแต่ น้องๆควรเริ่มฝึก การฟัง พูด อ่าน เขียน ไว้ในช่วงที่ทำเรื่องเรียนต่อด้วยค่ะ จริงอยู่ที่ น้องๆ มีทุนทรัพย์ หรือพ่อแม่คอยสนับสนุนค่าใช้จ่าย แต่ในหลักสูตรของมหาวิทยาลัย หรือสถาบันวิชาชีพ จำเป็นต้องมีผลภาษาในการเข้าไปเรียนต่อค่ะ ซึ่งเราสามารถไปลงคอร์สเรียนภาษาที่นั่นได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม พี่แนะนำว่า ให้เริ่มฝึกตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ เพราะมันจะช่วยน้องมากๆ ในการใช้ชีวิตประจำวัน และบอกตรงๆ ว่า คนที่ขึ้นไปเรียนระดับมหาวิทยาลัย หรือวิชาชีพแล้ว ต้องใช้ความพยายามนิดนึง เพราะทุกอย่างจะเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ  อย่ามุ่งแต่จะทำงานอย่างเดียวน้า เราต้องได้ความรู้กลับมาด้วยนะคะ ให้การทำงานพิเศษเป็นเรื่องรองค่ะ 

2. ถามใจตัวเอง และเลือกที่เรียน

   ฟังไม่ผิดค่ะ น้องๆ ทุกคนต้องถามหัวใจของตัวเองก่อนว่า เราตั้งใจจะไปเพื่ออะไร…? ไปเรียน หรืออยากแค่ไปทำงาน ถ้าน้องๆ อยากทำงานอย่างที่อ่านเจอในอินเตอร์เน็ต พี่แนะนำว่า ทำงานที่ไทยก็ได้ค่ะ งานดีๆ แลกกับค่าใช้จ่าย + ภาระหน้าที่ ที่ไทยก็โอเคอยู่แล้วค่ะ

แต่ถ้าน้องๆ อยากไปหาประสบการณ์ใหม่ อยากได้ภาษาอังกฤษ อยากเจอเพื่อนใหม่ พี่แนะนำให้มาเลยค่ะ มาเรียน มาค้นหาชีวิตใหม่ๆ

แต่ต้องตั้งใจ “เรียน” เป็นหลักนะคะ ส่วนเรื่อง “ทำงานพิเศษ” นั้น ให้เป็นเรื่องรองค่ะ เรื่องนี้สำคัญมาก พี่ไม่อยากให้น้องๆ ทำเรื่องเรียน

ต่อเพื่อมาทำงานอย่างเดียวนะคะ เราจ่ายค่าเรียน ก็ควรจะได้รับสิ่งที่จ่ายไปด้วยค่ะ ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน ไม่เป็นผลดีต่อตัวน้องๆ นะคะ

เพราะฉะนั้น ถามตัวเองก่อนว่า เราตั้งใจมาเรียนมากแค่ไหน และอยากได้โรงเรียนสภาพแวดล้อมอย่างไร บรรยากาศอย่างไร เพราะประ

เทศออสเตรเลียนั้น มีหลากหลายเมือง และแต่ละเมือง มีสภาพแวดล้อม และภูมิประเทศ/อากาศ แตกต่างกันค่ะ 

2. ตรวจสอบความพร้อมของตัวเอง

   แน่นอนว่า การไปเรียนต่อต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ค่อนข้้างใหญ่ค่ะ สิ่งที่น้องๆ ควรจะเตรียมความพร้อมแน่ๆ คือ 

1. สุขภาพร่างกายของตัวเองค่ะ เช่น เราเป็นโรคประจำตัวหรือไม่ ,แพ้อาการหรือไม่ ,เป็นพาหะโรคติดต่อหรือไม่ เป็นต้น 

2. สถานะการทำงาน และอาชีพ เช่น เราเตรียมเรื่องลาออกกับบริษัทไว้หรือยังหากวีซ่าผ่าน ,งานที่ทำมีเงื่อนไขอะไรไหม ถ้าต้องลาออก

3. สถานะทางการเงินของ Sponsor เช่น เตรียม Statement ไว้ยื่นวีซ่าหรือยัง ,Sponsor / ญาติเราพร้อมสนับสนุนหรือไม่ 

,อาชีพ หรือกิจการของผู้สนับสนุน สมเหตุสมผลหรือไม่ 

4. ความเกี่ยวข้องของหลักสูตร เช่น บางคนต้องการไปเรียนภาษา + วิชาชีพ จะได้วีซ่ายาว ซึ่งเวลาเขียนคำชี้แจงก็ต้องสามารถอธิบายได้ว่า เรียนไปเพื่ออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับอาชีพ/สถานะปัจจุบันของเรา เป็นต้นค่ะ

5. เอกสารต่างๆ นาๆ เช่น เอกสารทางการศึกษา ,เอกสารของผู้สนับสนุน ,เอกสารทางการเงิน ,เอกสารความสัมพันธ์ เป็นต้นค่ะ